กฏหมายคู่บ้าน
กฎหมายที่ดิน สิ่งสำคัญที่ทุกคนควรรู้
สาระน่ารู้ : เตรียมตัวเองอย่างไรก่อนกู้ซื้อบ้าน
เราทุกคนล้วนมีความฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง หลายคนเป็นกังวลไม่รู้จะต้องเตรียมตัวอย่างไร ในการที่จะกู้ซื้อบ้าน หากใครสนใจจะกู้ซื้อบ้านที่สำคัญก็คือ ต้องมีเงินออม มีฐานะที่มั่นคง หรือมีรายได้เสริมเพิ่มเติม เรื่องนี้สำคัญมากนะคะ ว่าคุณจะผ่านการอนุมัติจากสถาบันการเงินหรือไม่ ลองมาอ่านปัจจัยที่สำคัญเหล่านี้กันค่ะ
1.เลือกบ้าน และทำเลที่น่าสนใจ
ก่อนอื่นต้องเริ่มออกไปดูโครงการบ้าน หรือแบบบ้านที่เราอยากได้ ลองสำรวจ และตรวจดูวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน ข้อนี้ต้องดูละเอียดให้รอบคอบนะคะ เลือกทำเลที่เราเดินทางสะดวก โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น เป็นต้น
2.ขอรายละเอียดจากธนาคารเงินกู้
ควรศึกษารายละเอียดในการขอสินเชื่อจากธนาคารให้ดี โดยเฉพาะเรื่องดอกเบี้ย เลือกธนาคารที่ให้ข้อเสนอเราดีที่สุด ก่อนการยื่นกู้ซื้อบ้านควรเดินบัญชี เป็นเวลาติดต่อกัน 6-12 เดือน นำรายได้ฝากเข้าบัญชีสม่ำเสมอ ส่วนคนที่มีเงินเดือนถูกโอนผ่านบัญชี จะไม่ค่อยมีปัญหา แต่อาชีพอิสระ ที่ไม่มีรายได้ประจำ จะต้องหาหลักฐานด้านเดินบัญชี ที่ทำให้ธนาคารพิจารณาสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
3. ต้องออมเงินก่อนยื่นกู้ธนาคาร
การออมเงินเป็นการสร้างเครดิตที่ดีให้กับตัวเอง ธนาคารจะได้มั่นใจว่าเรามีวินัยทางการเงิน ในบัญชีควรจะมีเงินออมเป็นบัญชีฝากประจำประมาณ 1-2 ปี ส่วนในเรื่องราคาบ้าน ต้องดูกำลังซื้อตัวเองด้วย สามารถผ่อนได้เท่าไร ถ้าจะให้ดี ผู้ซื้อบ้านควรมีเงินเก็บอย่างน้อย 10-20% ของราคาที่อยู่อาศัย เผื่อกรณีที่กู้ได้ไม่เต็มวงเงิน จะได้มีเงินส่วนนี้ไว้จ่าย หรือเป็นเงินค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์
4.เคลียร์ปัญหาเรื่องบัตรเครดิต
ปัญหาของการมีบัตรเครดิตหลายใบ จะส่งผลต่อการกู้ซื้อบ้านของคุณลดลง เนื่องจากธนาคารจะนำวงเงินจากบัตรเครดิตทุกใบมาคิดรวมเป็นภาระหนี้สิน ถึงแม้ว่าบัตรนั้นจะไม่ได้ใช้ก็ตาม ดังนั้น ทางที่ดีใบไหนไม่ใช้ก็ควรปิด และมีภาระหนี้รวมแล้วไม่เกิน 40% ของรายได้ทั้งหมด เมื่อยื่นบัญชีหรือหลักฐานการเดินบัญชีแล้ว ธนาคารจะพิจารณาเงินคงเหลือในบัญชีต้องสอดคล้องกับวงเงินขอกู้ ถ้ามีเงินเหลือในบัญชีน้อย ธนาคารจะมองว่าคุณมีแนวโน้มภาระหนี้สูง
5.ตรวจเช็กเครดิตบูโร
ธนาคารสามารถตรวจสอบเครดิตทางการเงินย้อนหลัง 3 ปี นำมาคำนวณว่าหากเพิ่มภาระสินเชื่อบ้านจะมีหนี้เกินเกณฑ์หรือไม่ ปกติอัตราก่อหนี้สูงสุดไม่เกิน 80% ของรายได้ อีกทั้งเป็นการตรวจสอบประวัติผิดนัดชำระหนี้ ไม่ควรชำระช้ากว่ากำหนดเกิน 30 วัน หากผู้กู้ทราบว่าเคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในรอบ 3 ปี ควรรายงานธนาคาร ตั้งแต่เริ่มขอยื่นกู้ถึงสาเหตุการผิดนัด รวมทั้งแสดงหลักฐานว่าได้ชำระหนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเรายื่นกู้ทางธนาคารจะเช็กประวัติเครดิตบูโรทันที ซึ่งเครดิตบูโรจะเก็บรวบรวมข้อมูลการชำระสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตทั้งยอดคงค้าง และการผิดประวัติชำระหนี้ ทางที่ดีควรเช็กก่อนยื่นกู้จะดีกว่าค่ะ
6.เตรียมตัวให้พร้อมก่อนผ่อนระยะยาว
ปัญหาการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยไม่เหมาะกับกำลังซื้อ ซึ่งการเลือกซื้อบ้านเราควรจะดูด้วยว่า มีความสามารถในการชำระหนี้ได้แค่ไหน เพราะถ้าผ่อนไม่ไหวจะเป็นปัญหาใหญ่ตามมาในภายหลัง ควรเลือกระยะเวลาในการผ่อนบ้านให้นานๆ ไว้ก่อน เช่น 25-30 ปี เพื่อไม่กระทบกับรายได้มากนัก เพราะเมื่อมีปัญหาทางการเงินขึ้นมา เราก็ยังผ่อนชำระต่อเดือนได้ แต่ถ้ามีรายได้เพิ่มขึ้นมีกำลังจ่ายเพิ่มขึ้น เราก็สามารถนำมาโปะได้เช่นกัน
ถ้าคิดจะซื้อบ้านแล้วขอกู้ซื้อบ้านก็ต้องมั่นใจในกำลังผ่อนของตัวเองก่อนนะคะ แต่หากเรามีรายได้ดี มีเงินเหลือใช้ก็มีโอกาสผ่านการอนุมัติจากธนาคาร หรือถ้าหากไม่ผ่าน รายได้ไม่พอเจ้าหน้าที่บางธนาคารก็จะให้คำปรึกษา แล้วจะประเมินรายได้และรายจ่ายเรา หากมีเงินเหลือสำหรับผ่อนบ้านได้ก็ไม่น่าเป็นกังวล แต่จะแนะนำว่า ซื้อบ้านก็ต่อเมื่อฐานะทางการเงินพร้อมก่อนจะดีกว่าค่ะ