ประกาศเช่า

สาระน่ารู้ : บ้านเช่า เลือกอย่างไรให้น่าอยู่ ไม่เสียเปรียบผู้ให้เช่า

บ้านเช่า มีหลายรูปแบบ ผู้เช่าเองก็มีหลากหลายกลุ่ม ทั้งผู้เช่าที่อยู่กันเป็นครอบครัว เนื่องจากยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และผู้เช่าที่พักอาศัยอยู่ชั่วคราวระหว่างเรียน หรือระหว่างทำงาน แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้เช่ากลุ่มไหนๆ ล้วนต้องการบ้านเช่าที่พักอาศัยแล้วมีความสุข ปราศจากสิ่งรบกวนหรือปัญหาใดๆ บ้านเช่าควรเลือกอย่างไรให้น่าอยู่ และไม่มีปัญหาเสียเปรียบผู้ให้เช่า gurubaan.com มีสาระน่ารู้มาฝากค่ะ

วิธีเลือกบ้านเช่าให้น่าอยู่

บ้านเช่ามีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็เหมาะสำหรับการพักอาศัยที่แตกต่างกัน สิ่งแรกผู้เช่าต้องเลือกพิจารณารูปแบบบ้านจากองค์ประกอบต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ เช่น ขนาดของบ้านมีพื้นที่ใช้สอยเพียงพอสำหรับสมาชิกภายในบ้านหรือไม่ สภาพบ้านมีความปลอดภัยอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมทั้งค่าเช่าเหมาะสมกับสภาพบ้าน และรายได้ของผู้เช่าหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว การเลือกบ้านเช่าให้น่าอยู่ เมื่ออยู่แล้วไม่เสียเปรียบผู้ให้เช่า ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้

1.พิจารณาจากทำเลที่ตั้ง

บ้านพักอาศัยที่เป็นบ้านเช่า เรื่องของทำเลก็มีความสำคัญไม่แตกต่างไปจากบ้านหรือที่พักอาศัยรูปแบบอื่นๆ เช่น บ้านเช่าควรอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางเข้าออกได้สะดวก มีถนนเข้าถึงได้หลายเส้นทาง มีความปลอดภัยในการเดินทางเข้าออก มีคนสัญจรไปมาอยู่ตลอดเวลา หรืออยู่ใกล้แหล่งสาธารณูปโภค ใกล้ห้างสรรพสินค้า ใกล้ตลาดสด มีร้านสะดวกซื้อ หรือใกล้สถานีรถไฟฟ้า สถานีขนส่ง และที่สำคัญควรอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน

2.พิจารณากลุ่มเพื่อนบ้าน

เพื่อนบ้าน คือ องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้การพักอาศัยอยู่ในบ้านเช่านั้นๆ มีความสุขหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ผู้เช่าทำงานประจำอยู่ในออฟฟิศ ใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้นอนดึกตื่นดึก แต่เพื่อนบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพค้าขาย ต้องตื่นตอนดึกเป็นประจำ อาจส่งเสียงรบกวน ทำให้การพักอาศัยในบ้านเช่าขาดความสุขได้

3. พิจารณาจากราคาค่าเช่า และเงื่อนไขการเช่า

ผู้เช่าส่วนใหญ่พิจารณาเฉพาะสภาพบ้าน และความสะดวกสบายในการเดินทางหรือเป็นบ้านเช่าที่อยู่ใกล้ที่ทำงานเป็นหลัก รวมถึงราคาค่าเช่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอใจ แต่อาจลืมพิจารณาถึงเงื่อนไข หรือรายละเอียดในสัญญาเช่า เช่น เงินประกันค่าน้ำค่าไฟ และค่าเสียหายอื่นๆ ราคาค่าน้ำ ค่าไฟ รวมถึงเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าเช่า

ปัญหาที่พบว่าผู้เช่าส่วนใหญ่เสียเปรียบผู้ให้เช่า เช่น การจ่ายค่าน้ำค่าไฟไม่ได้คิดตามความเป็นจริง แต่คิดตามอัตราที่เจ้าของบ้านกำหนด เงื่อนไขการคืนเงินค่าเช่าล่วงหน้า เงินประกันค่าน้ำค่าไฟ และค่าเสียหายอื่นๆ ผู้ให้เช่าไม่คืนให้ เนื่องจากอ้างตามข้อตกลงในสัญญาเช่าที่ผู้เช่าไม่ได้อ่านอย่างละเอียดรอบคอบ

4.พิจารณาเงื่อนไขการจ่ายภาษีบ้านเช่า

ภาษีบ้านเช่า เป็นการจ่ายภาษีรายได้ปีละ 1 ครั้ง ตามปกติผู้ให้เช่า ซึ่งเป็นผู้มีรายได้จะต้องเป็นผู้เสียภาษีรายได้ส่วนนี้ แต่ผู้เช่าส่วนใหญ่จะระบุเงื่อนไขไว้ในสัญญาเช่าให้ผู้เช่าเป็นผู้เสียภาษีในส่วนนี้แทนตน ผู้เช่าที่ไม่ได้ศึกษารายละเอียดในสัญญาเช่าอย่างละเอียดครบถ้วน ก็อาจจะเสียเปรียบ และกลายเป็นผู้เสียภาษีรายได้แทนเจ้าของบ้านเช่า

กรณีเดียวกัน เจ้าของบ้านเช่าบางรายอาจระบุไว้ในสัญญาเช่าให้ผู้เช่าเป็นผู้เสียภาษีบ้านเช่าแทนเจ้าของบ้าน แต่คิดอัตราค่าเช่าถูกลง หรือถูกกว่าบ้านเช่าอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน การพิจารณาบ้านเช่าในกรณีนี้จึงขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เช่าเป็นสำคัญ

5. พิจารณาประวัติบ้านเช่า

การเลือก บ้านเช่า บางครั้งผู้เช่าไม่ใช่คนในพื้นที่ อาจเลือกบ้านเช่าจากสภาพบ้าน ทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้ที่ทำงาน หรือใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกเป็นสำคัญ และอาจมีราคาค่าเช่าที่ถูกกว่าบ้านเช่าอื่นๆ ในบริเวณเดียวกัน สิ่งที่ผู้เช่าต้องให้ความสำคัญ ก็คือ หากเป็นแหล่งที่มีบ้านเช่าอื่นๆ อยู่หนาแน่นมีคนพักอาศัยอยู่เต็มทุกหลัง ยกเว้นบ้านที่ต้องการเช่าเพียงหลังเดียว อยู่ในทำเลที่ดี แต่ลดราคาค่าเช่าให้ถูกลงจนผิดปกติ ผู้เช่าควรศึกษาประวัติบ้านเช่าให้ดีก่อนตกลงทำสัญญา

สำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านเช่า สาระน่ารู้จากบทความนี้ คงทำให้มั่นใจและตัดสินใจเลือกบ้านเช่าที่ต้องการได้ง่ายขึ้นนะคะ