โครงการแนะนำ

สาระน่ารู้ : ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อบ้านเดี่ยว

เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงฝันที่อยากจะเป็นเจ้าของบ้านสักหลัง หรือบางคนอาจจะกำลังคิดจะซื้อบ้าน ซึ่งเรียกได้ว่า บ้านเดี่ยว ก็ถือเป็นทรัพย์สินที่มีราคาสูง ดังนั้น ก่อนการซื้อบ้านเราจึงต้องหาข้อมูล และตรวจสอบรายละเอียดเยอะแยะไปหมด เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ และเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจให้กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาบ้านเป็นของตัวเอง วันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อควรรู้ก่อนการซื้อบ้านมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ

ข้อควรพิจารณาในการซื้อบ้าน

1. สำรวจความต้องการของเรา

ข้อแรกต้องพิจารณาและดูให้ละเอียดค่ะ ว่าบ้านที่เราจะซื้อนั้นตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวมากแค่ไหน เช่น จำนวนห้องนอน จำนวนห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอยในตัวบ้านเมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิก พื้นที่ภายนอกตัวบ้าน ซึ่งข้อนี้เราอาจจะต้องทำการบ้านเยอะหน่อยค่ะ เพราะการเลือกโครงการที่มีแบบบ้านที่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้ โดยที่ไม่ต้องต่อเติม หรือต่อเติมให้น้อยที่สุด ก็ถือเป็นการเลือกซื้อบ้านได้ดีที่สุดนั่นเองค่ะ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับการเลือกบ้านให้ถูกใจ ก็คือ เลือกทิศทางลม ควรให้มีลมพัดผ่านหน้าบ้าน หรือพื้นที่ที่ให้เราได้ทำกิจกรรมด้วย

2. งบประมาณ

อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการซื้อบ้าน คือ งบประมาณในการเลือกซื้อบ้านเพื่อให้สอดคล้องกับรายได้ เพราะเงินจะเป็นตัวกำหนดขอบเขตของความต้องการของคุณ ซึ่งงบประมาณจะเป็นตัวกำหนดชนิดของบ้าน ทำเลที่ตั้งของโครงการ และขนาดของพื้นที่นั่นเอง นอกจากนั้น อย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากราคาบ้านเองด้วย เพราะสิ่งที่ตามมาก็คือ ค่าส่วนกลาง ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง ค่าประกัน ค่าตกแต่งต่อเติม ค่าเฟอร์นิเจอร์ และอื่นๆ ยิ่งราคาบ้านหรือเนื้อที่มาก จะยิ่งทำให้งบประมาณมากตามไปด้วย

3. ทำเลที่ตั้งของโครงการ

หลังจากที่เราตั้งงบประมาณของบ้านตามที่เราต้องการแล้ว ต่อไปก็คือ ทำเลที่ตั้ง ทำเลที่ดีที่สุด คือ ทำเลที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวัน และสอดคล้องกับความเป็นอยู่ของคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางเข้าและออก มีโรงการอุตสาหกรรมรมที่มีเสียง กลิ่น แสง รบกวนไหม เคยมีประวัติน้ำท่วมไหม และเมื่อคิดว่าที่ตั้งเป็นที่น่าพอใจแล้ว ผู้ซื้อก็ควรตรวจสอบรายละเอียดโครงการต่างๆ ด้วย ดังนี้

• ตรวจสอบใบอนุญาตจัดสรรที่ดินจากผู้ประกอบการ หรือขอตรวจสอบได้ที่กรมที่ดิน หรือสำนักงานที่ดินจังหวัดที่โครงการนั้นตั้งอยู่
• ตรวจสอบว่าโครงการได้รับการอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารหรือไม่
• ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ ได้จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
• ตรวจสอบขนาด และผังโครงการ ว่ามีความเหมาะสมกับสภาพการอยู่อาศัยหรือไม่
• ตรวจสอบรูปแบบโครงการที่ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งการดูแค่บ้านตัวอย่าง อาจไม่เพียงพอ ผู้ซื้อสามารถขอให้ผู้ประกอบการนำชมตัวอย่างโครงการอื่นๆ ด้วย
• ตรวจสอบระบบน้ำประปา ระบบน้ำทิ้ง ระบบบ่อบำบัด และระบบไฟฟ้า ว่ามีความปลอดภัย และมีแผนรองรับในกรณีที่เกิดเหตุหรือไม่

4. สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป

สำหรับข้อนี้ผู้ซื้อบ้านอย่างเราๆ ไม่ควรเลือกบ้านโดยคำนึงถึง แต่เพียงคุณภาพของบ้านเพียงเท่านั้น แต่ควรพิจารณาถึงคุณภาพของสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอื่นๆ ด้วย ได้แก่ สระว่ายน้ำ สวนหรือสนามเด็กเล่น บางโครงการอาจมีห้องฟิตเนส สนามเทนนิส สนามบาสเกตบอล เป็นต้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละผู้อยู่อาศัย และนอกจากนั้นก็ควรให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของชีวิต และทรัพย์สินที่เป็นตัวกำหนดเวลาเลือกซื้อบ้านจากโครงการต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแลกบัตรเข้าออกรถยนต์ เพราะนั่นหมายความว่า โครงการให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของลูกบ้าน และถือเป็นการกรองคนเข้าออกในบ้านของเราได้อีกระดับหนึ่งด้วย

5. การเข้าพักอาศัย

เมื่อดำเนินเรื่องรับมอบบ้านเสร็จสิ้นแล้ว หากเป็นการซื้อบ้าน ผู้ซื้อสามารถย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านได้ทันที อย่าลืมทำเรื่องโอนมิเตอร์น้ำ-ไฟ ให้เรียบร้อย และดำเนินการตกแต่งสถานที่ตามที่ตั้งงบประมาณไว้ ในส่วนของอาคารชุด เรื่องระบบสาธารณูปโภค จะเป็นหน้าที่ของส่วนกลาง ทว่าผู้ซื้อก็ต้องตรวจสอบระบบต่าง ๆ ภายในบ้านเพื่อความปลอดภัย หากเห็นสิ่งใดผิดปกติ แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย ควรจะแจ้งเจ้าของเดิม หรือเจ้าของโครงการ เพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดให้สมบูรณ์แต่เนินๆ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาว

6. การทำสัญญาซื้อขาย

สำหรับการทำสัญญาจะซื้อ หรือสัญญาวางมัดจำนั้น จะต้องมีการตรวจสอบสำเนาโฉนด รวมถึงตรวจสอบทะเบียนบ้านเพื่อยืนยันสิทธิ์ของเจ้าของบ้าน ซึ่งตัวอย่างเอกสารสัญญาสามารถดาวน์โหลดได้จากอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็น ตัวอย่างสัญญา สำนักกฎหมายสวัสดิธรรม และสำหรับเรื่องการวางเงินมัดจำ จะต้องขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขาย โดยเงื่อนไขต่างๆ จะต้องมีระบุไว้ในเอกสารสัญญาอย่างชัดเจนด้วย

7. ติดต่อขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน

หลังจากทำสัญญาซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว ผู้ซื้อต้องนำหนังสือสัญญาซื้อขายไปดำเนินการยื่นเรื่องเพื่อขอสินเชื่อกับทางสถาบันการเงินอีกครั้ง โดยให้ทางสถาบันการเงินเข้ามาทำการประเมินราคา โดยในระหว่างนี้ให้หมั่นติดต่อกับผู้ขาย เพื่อหารือเรื่องการปรับปรุงบ้านเป็นระยะ เพื่อให้มีโอกาสได้เข้าไปตรวจการดำเนินโครงการของผู้ขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเตรียมตัวที่ดี จะส่งผลให้การติดต่อกับสถาบันการเงินเป็นไปอย่างราบรื่น และรวดเร็ว ดังนั้น เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อมแล้ว ผู้ซื้อควรรีบยื่นเรื่องเพื่อขอสินเชื่อกับทางสถาบันการเงินในทันที

แนวทางก่อนการเลือกซื้อบ้านที่เรานำมาฝาก เป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ ที่ผู้ซื้อควรจะทราบไว้ เพื่อเป็นแนวทางนำไปวางแผน และเป็นทางเลือกในการตัดสินใจที่จะซื้อบ้านเดี่ยว ดังนั้น เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังคิดจะซื้อบ้าน หรือมองหา บ้านเดี่ยว ในฝันสักหลังก็ควรจะทำความเข้าใจ และศึกษารายละเอียดแต่ละโครงการให้ดี เพื่อเพิ่มความรอบคอบในการซื้อบ้านให้มากขึ้น