จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปล่อยให้พ่อบ้าน ซักผ้า

• เมื่อคุณปล่อยให้พ่อบ้าน ซักผ้า เอง สิ่งที่คุณต้องเจอ และต้องเตรียมใจไว้ได้เลย คือ เสื้อคุณอาจจะถูกสีตกใส่ ผ้าหด เป็นขุย หรือได้กลับมาในสภาพไม่เหมือนเดิมก็เป็นได้

การซักผ้าในสมัยนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่อง่ายที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ แถมไม่เหนื่อย ไม่ต้องมานั่งออกแรงซักเอง หรือขยี้ผ้าให้เจ็บมือ เพียงโยนเสื้อผ้าเข้าเครื่องซักผ้า กดปุ่ม เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย แต่หารู้ไม่ว่ามันกลายเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่เคยซักผ้าเองมาก่อน ปุ่มบนเครื่องก็มีเยอะมาก แถมผ้าแต่ละแบบ แต่ละชนิดก็มีวิธีซักที่ต่างกัน เรามาดูกันดีกว่าว่าถ้าคุณแม่บ้านไม่อยู่แล้วปล่อยให้คุณพ่อบ้านซักผ้าเอง จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

มาทำความรู้จักกับเครื่องหมายบนเสื้อผ้า

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับสัญลักษณ์บนเสื้อผ้า กางเกง ของเราเสียก่อนว่าแต่ละรูปมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง

• สัญลักษณ์วงกลมเปล่าๆ แปลว่าสามารถใช้ความร้อนในการซักแห้งได้

• สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยมเปล่าๆ โล่งๆ แปลว่าสามารถใช้สารฟอกสีได้

• สัญลักษณ์วงกลมในสี่เหลี่ยม มีเครื่องหมาย X คาด แปลว่าห้ามปั่นแห้งในเครื่อง / มีจุดหนึ่งจุดแปลว่าปั่นได้แต่เบา / มี 2 จุดคือปั่นได้ระดับกลาง / มี 3 จุดคือสามารถปั่นหนักได้

• สัญลักษณ์เหมือนกับเตารีด มีเครื่องหมาย X คาดแปลว่าห้ามรีดผ้า / มีจุดหนึ่งจุดคือ รีดได้แต่ใช้ไฟเบา / มีจุด 2 จุดคือ รีดได้ใช้ไฟระดับกลาง / มีจุด 3 จุดคือ รีดได้ใช้ไฟระดับแรง

• สัญลักษณ์เหมือนกระบะแล้วมีน้ำอยู่ หมายถึง อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ในการซัก มีจุดเดียวในน้ำ แปลว่าใช้อุณหภูมิต่ำ (ประมาณ 40 องศา) / มี 2 จุดแปลว่าใช้อุณหภูมิกลางๆ (60 องศา) / มี 3 จุดแปลว่าใช้อุณหภูมิสูง (ประมาณ 90 องศา)

เมื่อคุณปล่อยให้พ่อบ้านซักผ้าเองก็ต้องเจอเรื่องแบบนี้!

1. ลืมเอาของออกจากกระเป๋า

ไม่ว่าจะเป็นเศษกระดาษ ตั๋วรถเมล์ ใบเสร็จ เงินเหรียญ รวมไปถึงแบงค์ยี่สิบยันแบงค์พัน บางคนถึงขั้นลืมกุญแจบ้าน และโทรศัพท์ จะเป็นอะไรก็ตามคุณไม่ควรปล่อยให้มันอยู่ในเสื้อผ้าขณะทำการซัก เพราะพวกเศษกระดาษจะยุ่ยเป็นขุยติดเต็มเสื้อผ้า อีกทั้งพวกเหรียญ กุญแจบ้าน จะไปตีเครื่องซักผ้า ทำให้เครื่องพังได้ ส่วนโทรศัพท์ไม่ต้องพูดถึงเลย มีแต่พังกับพังแน่นอน
ทางที่ดีหากไม่มีใครคอยสะกิดบอกคุณ หรือไม่ได้ทำแผ่นป้ายเตือนความจำว่าอย่าลืมเอาของออกจากกระเป๋าทุกครั้งก่อนซักผ้า คุณก็ควรท่องและจำให้ขึ้นใจว่า เวลาถอดเสื้อผ้าควรเอาของออกจากกระเป๋าทุกครั้ง เพื่อสร้างเป็นนิสัยก่อนลงมือซักผ้านั่นเองค่ะ

2. ไม่แยกผ้า

ผ้ากองเท่าภูเขา จับโยนลงไปในเครื่องซักผ้าให้หมด ไม่ว่าจะเป็นผ้าขาว ผ้าสี หรือชนิดของผ้าที่ไม่ควรนำมาปั่นเครื่อง คุณพ่อบ้านก็ไม่สน รู้ไหมคะว่าการกระทำเหล่านี้จะทำให้เสื้อผ้าเสียทรง บางทีสียังตกมาโดนกันอีก งานนี้มีโดนแม่บ้านบ่นจนหูชาแน่ สิ่งที่คุณควรทำคือ การอ่านสัญลักษณ์บนแถบของเสื้อเสียก่อน แล้วจึงแยกซักเป็นชุดๆ ยิ่งชุดที่เป็นสีๆ ก็ควรแยกระหว่างสีเข้มกับสีอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าสีตกใส่กันค่ะ

3. จัดหนักผงซักฟอก

นานๆ จะซักที ก็กะไม่ถูกว่าผ้าเท่านี้ต้องใส่ผงซักฟอกแค่ไหนถึงจะสะอาด ยิ่งใส่เยอะก็ยิ่งหอม ยิ่งสะอาดแน่นอน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดมากๆ เลยนะคะ การซักผ้าแต่ละชนิดมันจะมีความพอดีของผงซักฟอกอยู่ ยิ่งใส่เยอะ ฟองก็จะเยอะตาม ติดผ้าจนล้างไม่ออก ต้องเปลี่ยนน้ำปั่นผ้าหลายรอบจึงจะสะอาด ทำให้ใช้เวลาซักนานยิ่งกว่าเดิม สิ่งที่คุณควรรู้ในการใส่ผงซักฟอกคือ สมัยนี้ผงซักฟอกมีอานุภาพทำความสะอาดดีมาก คุณไม่จำเป็นต้องใส่เยอะเกิน ควรอ่านฉลากก่อนใช้งานว่าควรใช้ในปริมาณเท่าไหร่ ก็ใช้เพียงเท่านั้นค่ะ

4. ปั่นแห้งผิดลักษณะ

เมื่อพื้นที่ในบ้านมีจำกัด การทำให้ผ้าแห้งเร็วที่สุดถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เลยทำด้วยการปั่นแห้งซะเลย รู้ไหมคะว่าผ้าบางชนิดมันปั่นแห้งไม่ได้ ต้องดูที่แถบของเสื้อว่าสามารถนำไปปั่นแห้งได้หรือไม่ ความจริงแล้วการปั่นแห้งมันเสี่ยงที่จะทำให้ผ้าหดก่อนวัยอันควรมากๆ ซึ่งหากคุณซักผ้าในวันหยุด ไม่ได้เร่งรีบอะไร ก็ตากผ้าไว้ตามปกติ ปล่อยให้มันแห้งเองจะดีที่สุด

5. ใช้ไม้แขวนเสื้อที่ทำจากลวด

สำหรับข้อนี้จะโทษคุณพ่อบ้านอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษคุณแม่บ้านด้วยที่ซื้อไม้แขวนเป็นลวดมาใช้ ไอ้เจ้าไม้แขวนชนิดนี้ไม่ควรผลิตมาใช้เลยจริงๆ เพราะมันจะทำลายทรงเสื้อผ้าของเราหมด ยิ่งถ้าเอาไปแขวนสูทยิ่งทำให้ทรงเสียอย่างมาก ควรเปลี่ยนมาใช้ไม้แขวนที่มีทรงไม้ออกแบบมาให้รับกับบ่าและไหล่โดยเฉพาะ แพงหน่อยแต่เสื้อไม่พังแน่นอน

เป็นอย่างไรบ้างคะคุณพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลาย เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างหรือเปล่า จริงๆ แล้วเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้กับทุกบ้าน โดยเฉพาะมือใหม่หัดซัก ของแบบนี้ต้องใช้เวลาและประสบการณ์กันสักหน่อย ซักบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งและชำนาญจนเป็นมือโปรฯ ไปเองค่ะ สู้ๆ นะคะทุกโค๊น…….